fbpx

ดูแลสุขภาพอย่างไร? ให้ดีทั้งกายและจิต ห่างไกลโรคภัยแบบยั่งยืน

การดูแลสุขภาพให้ดีถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันทั้งในปัจจุบันและอนาคต หากดูแลสุขภาพไม่ดีก็อาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ซึ่งสุขภาพที่พูดถึงไม่ใช่เพียงสุขภาพกายอย่างเดียวที่ควรดูแลแต่ควรใส่ใจสุขภาพจิตควบคู่กันไปด้วย 


ปัจจัยที่ทำให้สุขภาพไม่ดีมาจากสิ่งที่เราเจอได้ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม มลพิษต่างๆ และยังมีเรื่องของความเครียดอีกด้วย การรักษาสมดุลของร่างกายและจิตใจให้ดี จะช่วยป้องกันโรคภัย ช่วยเสริมให้อวัยวะทั้งภายในและภายนอกร่างกายมีความแข็งแรง โดยในบทความนี้จะมาพูดถึงการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตว่าต้องทำอย่างไรให้แข็งแรงบ้าง ทำอย่างไรให้ห่างไกลโรค พร้อมกับวิธีการดูแลสุขภาพของแต่ละวัย ไม่ว่าจะทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อผู้อื่น

การทำสมาธิ ผ่อนคลาย

ทำไมจึงควรดูแลสุขภาพกายและจิต

การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้สมดุลกัน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายมีความสมบูรณ์ แข็งแรง และช่วยป้องกันโรค หรืออาการเจ็บป่วยต่างๆ อีกทั้งร่างกายจะฟื้นฟูได้เร็วเมื่อได้รับบาดเจ็บ การปล่อยตัวเอง ไม่ดูแลสุขภาพ พักผ่อนไม่เพียงพอจะส่งผลเสียหลายอย่าง การทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายจะได้รับผลกระทบกันไปหมด ซึ่งอาจจะไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่จะส่งผลเสียในภายหลัง บางกรณีก็อาจสายเกินแก้ 


ดังนั้นจึงควรหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตให้ไวที่สุด ที่ต้องดูแลให้สมดุลกันทั้งร่างกายและสภาพจิตใจ เพราะว่าหากมีสุขภาพจิตที่ไม่ดี อาจจะทำให้เกิดความเจ็บป่วยจากความเครียดได้ การดูแลให้ทั้ง 2  อย่างนี้สมดุลกัน จะช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ดี เมื่อรู้ถึงผลดีของการดูแลสุขภาพกายและุสขภาพจิตแล้ว จึงอยากให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพไปด้วยกัน

การดูแลสุขภาพกาย

ก่อนอื่นเรามาเริ่มกันที่การดูแลสุขภาพกาย ซึ่งมักเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ได้ การดูแลสุขภาพนั้นมีหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งในแต่ละวิธีต้องอาศัยความสม่ำเสมอ รวมถึงทำให้เป็นกิจวัตรประจำวัน ดังนี้

ดูแลสุขภาพ

รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำให้เพียงพอ

อาหารและน้ำเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากที่จะช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย ควรกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และครบ 3 มื้อ เพื่อให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน อาหารที่ควรกินคือ กินข้าวเป็นอาหารหลักและกินผักผลไม้เป็นประจำ หรือการกินปลาซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่ดี มีไขมันต่ำ และการกินไข่ที่มีโปรตีนสูง จะช่วยซ่อมแซมร่างกายได้ดี แถมยังหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย โดยสารอาหารต่างๆ ที่เราได้รับจะเข้ามาช่วยเสริมสร้างพลังงานให้อวัยวะต่างๆ ให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และการกินอาหารที่มีประโยชน์ยังช่วยควบคุมน้ำหนักได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย ทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง

น้ำมีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เนื่องจากร้อยละ 60 ของน้ำหนักตัวร่างกายเราประกอบไปด้วยน้ำ ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยปริมาณน้ำที่ควรได้รับคือ 100-150 มิลลิลิตรต่อ 100 กิโลแคลอรี่ของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน หรือ 8-10 แก้วต่อวัน

พักผ่อนให้เพียงพอ

แน่นอนว่าการนอนหลับคือการพักผ่อนชั้นดี เพราะการนอนหลับพักผ่อนเป็นพื้นฐานในการรักษาสุขภาพโดยรวม นอกจากจะเป็นส่วนช่วยให้ฟื้นฟูการทำงานของร่างกายแล้ว ยังช่วยให้เกิดความสมดุล ให้ร่างกาย ทำงานเป็นปกติอีกด้วย

การนอนหลับให้เกิดประสิทธิภาพที่ดี คือควรนอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง ซึ่งในแต่ละวัยมีความต้องการชั่วโมงการนอนไม่เท่ากัน อย่างเด็กเล็กจะต้องได้รับการนอนหลับพักผ่อนมากกว่าวัยอื่นๆ การอดนอนจะทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่ดี ระบบเผาผลาญไม่ดี ฮอร์โมนทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อสภาพอารมณ์และจิตใจได้

ดังนั้นการได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ จะช่วยลดอาการซึมเศร้าและความวิตกกังวลต่างๆ  ทำให้สมองปลอดโปร่งมากขึ้น สมาธิดีขึ้น และทำให้ตัดสินใจอะไรได้ดีมากขึ้นด้วย

สุขภาพร่างกายแข็งแรง

ออกกำลังกายเป็นประจำ

การออกกำลังกายส่งผลดีหลายอย่าง นอกจากจะทำให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังทำให้มีรูปร่างที่ดูดี มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ช่วยลดไขมันที่สะสมตามร่างกายได้ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการเกิดโรคหัวใจ การออกกำลังกายจะทำให้หัวใจและปอดแข็งแรงขึ้น และยังช่วยลดคอเรสเตอรอล ลดโอกาสเกิดเส้นเลือดอุดตัน อีกทั้งยังช่วยทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี และทำให้นอนหลับสนิทมากขึ้นด้วย โดยการออกกำลังมีหลากหลาย แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ยกตัวอย่างการออกกำลังกายที่ทำได้ไม่ยาก เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ ตีแบดมินตัน การเต้นแอโรบิก เล่นโยคะ หรือการปั่นจักรยาน เป็นต้น

บำรุงสมองอยู่สม่ำเสมอ

การบำรุงสมองสามารถส่งผลดีต่อร่างกายและจิตใจได้ ซึ่งสมองเป็นอวัยวะสำคัญในการควบคุมการทำงานทั้งหมดของร่างกาย และควบคุมด้านจิตใจ ความคิด ความจำ และพฤติกรรมต่างๆ 

ดังนั้นหากสมองเราอ่อนล้า ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความจำหรือเรี่ยวแรงต่างๆ จึงควรให้ความสำคัญกับการบำรุงสมองอยู่เสมอ ซึ่งเริ่มได้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเสริมสร้างให้สมองแข็งแรงด้วยการฝึกสมอง ใช้สมองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างการอ่านหนังสือ การเล่นเกมที่ใช้สมอง เช่น เกมคำศัพท์ หมากรุก เกมจับผิดภาพ เป็นต้น ซึ่งเกมเหล่านี้ล้วนเป็นการบริหารสมองที่ดีทั้งสิ้น

งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่

หลายๆ คน คงทราบกันดีถึงโทษของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่กันบ้างแล้ว ว่าสิ่งเหล่านี้ส่งผลเสียต่อร่างกายได้มากแค่ไหน โดยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นสาเหตุของโรคร้ายแรงมากมาย อย่างเช่น ตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็ง และมีผลต่อโรคหัวใจ 


นอกจากจะทำให้เกิดโรคร้ายแล้ว ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเช่นกัน เพราะแอลกอฮอล์จะไปกดการทำงานบริเวณต่างๆ ของสมองส่วนซีรีบรัม (Cerebrum) กดการทำงานของสมองกลีบต่างๆ จึงทำให้สูญเสียการควบคุมความคิด บุคลิก และพฤติกรรมของตัวเองขณะนั้นได้ เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ ที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดและยังเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ใหญ่ ตลอดจนโรคเรื้อรังอื่นๆ อีก แถมเป็นสิ่งที่สร้างมลพิษทางอากาศแก่ผู้อื่นอีกด้วย หากงดสิ่งเหล่านี้ได้โรคภัยต่างๆ จะไม่เกิดขึ้น สุขภาพร่างกายแข็งแรงและบุคลิกภาพดีขึ้น ทำให้มีคนอยากเข้าหามากขึ้นอีกด้วย

ดูแลสุขภาพกาย

ตรวจสุขภาพอย่างเป็นประจำ

เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าร่างกายเรามีอะไรผิดปกติหรือไม่ หากไม่ได้รับการตรวจเช็ก การเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำจะทำให้เราได้รู้สภาพร่างกายของเรา ซึ่งจะช่วยลดโอกาสการเกิดโรค หรือทราบความผิดปกติของร่างกายก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นโรคร้าย เพื่อให้รักษาได้ทันเวลา เพราะโรคบางโรคต้องใช้เวลากว่าจะแสดงอาการ หากไม่ได้รับการตรวจสุขภาพก่อนก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน

การดูแลสุขภาพจิต

นอกจากดูแลสุขภาพกาย การดูแลสุขภาพจิตก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะสุขภาพจิตนั้นสามารถส่งผลต่อสุขภาพกายได้เช่นกัน อย่างเช่น กรณีคนวัยทำงานที่มีความเครียดจากการทำงานจึงส่งผลให้ปวดหัว รวมถึงทำให้ไม่มีแรงใจในการดูแลตัวเอง นอกจากนี้ยังมีการทำงานของฮอร์โมนที่ผิดปกติ ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างมาก ในบางคนก็อาจเกิดอาการนอนไม่หลับ อ่อนเพลียง่าย เป็นต้น ดังนั้น เรามาดูวิธีดูแลสุขภาพจิตกันว่าจะมีอะไรบ้าง

การดูแลสุขภาพจิต

ปรับทัศนคติ และวิธีคิด

ปรับทัศนคติและวิธีคิดต่างๆ ให้อยู่ในเชิงบวก สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มที่ดีในการดูแลสุขภาพจิตใจ โดยเฉพาะด้านความมั่นคงทางจิตใจ ช่วยลดความตึงเครียด ความวิตกกังวลในจิตใจ เพราะการปรับความคิดให้อยู่ในเชิงบวกจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในตนเอง หนึ่งในสาเหตุของสภาพจิตใจที่แย่ลง มักเกิดจากการที่มีการเคารพในตนเองต่ำ ส่งผลให้ไม่มั่นในตนเอง ซึ่งการปรับทัศนคติ มองโลกในแง่บวก จะช่วยสร้างความนับถือในตนเองได้ 

นอกจากช่วยให้สุขภาพจิตดี ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็จะดีตามมาด้วย เพิ่มความแข็งแรงของจิตใจเวลาเจอความล้มเหลว

เนื่องจากเป็นเรื่องของสภาพจิตใจ อาจจะไม่ได้ทำแล้วเห็นผลทันที คุณอาจจะเริ่มจากการมองในแง่มุมต่างออกไป เช่น วันนี้ฝนตก แทนที่คุณจะคิดว่า ‘ฝนตกแย่จัง รถติดแน่เลย’ ให้เปลี่ยนความคิดใหม่ เป็น ‘ฝนตกดีจัง เย็นสบาย แถมพอรถติดทำให้เราได้มีเวลาสังเกตมองสิ่งรอบตัว’ เป็นต้น

ฝึกการปล่อยวาง

การปล่อยวางจากเรื่องหนักใจต่างๆ  หรือจากความเครียด จะส่งผลต่อสภาวะจิตใจของเราโดยตรง เพราะความเครียด ความกังวลทั้งหลายเกิดจากการที่เราคิดเรื่องนั้นซ้ำๆ การปล่อยวางก็เหมือนการได้หยุดคิด ซึ่งมันอาจจะไม่ได้หายไป แต่เราจะเข้าใจกับเรื่องนั้นมากขึ้น เป็นการดูแลสุขภาพจิตใจให้สมดุล เมื่อเราสามารถปล่อยวางได้แล้วจะส่งผลให้เมื่อเกิดปัญหา เราจะไม่ยึดติดกับปัญหานั้นได้เอง

วิธีที่จะช่วยฝึกให้เรารู้จักปล่อยวางได้ดีที่สุด ก็คือการปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไป หยุดการคิดล่วงหน้าถึงอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น แล้วทำวันนี้ให้ดีที่สุด ซึ่งสิ่งที่ช่วยเสริมเรื่องการปล่อยวางได้ดีก็คือการหมั่นทำสมาธิ ที่เราจะพูดกันในหัวข้อถัดไป

การดูแลสุขภาพกายและจิตให้แข็งแรง

หมั่นทำสมาธิ

การทำสมาธิเป็นประจำ จะช่วยทำให้ระดับของความเครียดลดลง อาการวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้าก็จะลดลงเช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้เกิดความสงบทางจิตใจและทางอารมณ์ โดยการเริ่มต้นฝึกสมาธิ อาจทำในตอนที่ว่าง กำหนดลมหายใจเข้า-ออกช้าๆ และรู้ลมหายใจตนเอง หรือการฝึกสังเกตอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง ก็ถือเป็นการทำสมาธิเช่นกัน 

ส่วนใหญ่หลายๆ คน พอพูดถึงการทำสมาธิมักจะนึกถึงการนั่งสมาธิก่อน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในวิธีในการทำสมาธิที่ผู้คนนิยมทำกัน สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกเบื่อหรือไม่ได้ผล แต่ก็ยังมีวิธีอื่นๆ อีกมากที่จะช่วยฝึกสมาธิให้กับเรา แบบที่ได้กล่าวไปข้างต้น

ผ่อนคลายจิตใจของตนเอง

ลองหยุดคิดเรื่องเครียดต่างๆ หากิจกรรมที่ช่วยให้ผ่อนคลายจิตใจ กิจกรรมที่สร้างสรรค์ เช่น การฟังเพลง ดูหนัง เล่นกีฬา อ่านหนังสือ หรือการออกไปเที่ยวพักผ่อน ได้เจอสภาพแวดล้อมดีๆ 

การได้ใช้เวลาไปกับสิ่งที่เราชอบนั้นเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผ่อนคลายจิตใจได้อย่างดีเยี่ยม การหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เราได้เปลี่ยนจุดโฟกัส จะทำให้เราลืมเรื่องที่กังวลไปได้ พลังของคำพูดนั้นก็ได้ผลที่ดีเหมือนกัน เช่น การบอกตัวเองว่า “ไม่เป็นไร” ซ้ำๆ สมองจะเริ่มรับรู้ แล้วจะเริ่มผ่อนคลายทำให้สุขภาพจิตใจดีขึ้นมาได้

การดูแลสุขภาพของแต่ละวัย

ดูแลสุขภาพกายและจิตอย่างไร ให้เหมาะสมกับวัย

นอกจากเราจะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของตนเองได้แล้ว เราก็สามารถช่วยดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของคนใกล้ตัวหรือคนรอบข้างได้เหมือนกัน อาจจะเริ่มด้วยการสังเกตสุขภาพ ความเป็นไปของคนใกล้ตัวก่อน ซึ่งการดูแลสุขภาพของแต่ละวัยจะมีวิธีที่ไม่เหมือนกัน ดังนี้

การดูแลสุขภาพกายและจิตในวัยเด็กเล็ก

ช่วงอายุตั้งแต่ 1-4 ขวบ ช่วงที่เริ่มมีทักษะในการทรงตัวและเคลื่อนไหว รวมทั้งยังเป็นช่วงวัยที่จำเป็นต้องรับพลังงานเป็นอย่างมากในการเจริญเติบโต ควรให้เด็กได้นอนหลับพักผ่อนในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่ โดยเวลานอนในแต่ละวันจะอยู่ 11-14 ชั่วโมงต่อวัน สำหรับเด็กเล็ก 

นอกจากนี้ควรส่งเสริมให้ทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ให้เด็กได้ออกไปวิ่งเล่นพบปะเพื่อนๆ ฝึกการเข้าสังคม และให้กินอาหารที่มีประโยชน์ สารอาหารครบถ้วน

ข้อควรรู้ในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของวัยเด็กเล็ก

  • สุขภาพจิตใจของเด็กเล็กส่งผลต่อสภาพจิตใจตอนโตได้ง่าย ควรดูแลเรื่องนี้อย่างใส่ใจและใกล้ชิด
  • หลีกเลี่ยงให้เด็กในวัยนี้เล่นสมาร์ทโฟน ควรให้เด็กฝึกการเคลื่อนไหว การเข้าสังคมกับเด็กคนอื่น หรือเพื่อนๆ ให้มาก
  • ให้เด็กอยู่ในสายตาของคุณหรือผู้ปกครองเสมอ เพราะเด็กในวัยนี้มีความอยากรู้อยากเห็นมาก อาจจะไปทำกิจกรรมที่เสี่ยงให้เกิดอุบัติเหตุได้
การดูแลสุขภาพกายและใจของเด็ก

การดูแลสุขภาพกายและจิตในวัยเด็กโต

ช่วงอายุตั้งแต่ 5-12 ปี ช่วงที่ร่างกายกำลังได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ควรให้กินอาหารที่มีประโยชน์ตามคำแนะนำด้านโภชนาการ พร้อมทั้งพูดถึงประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพให้เด็กรับรู้ เพื่อให้เด็กวัยนี้เกิดความตระหนักรู้ เช่น อาหารที่ปลอดสารพิษ ผักออแกนิค อาหารที่ไม่ผ่านการแปรรูป หรือสังเคราะห์ทางสารเคมี เป็นต้น กินอาหารให้ครบ 3 มื้อ ฝึกให้ดื่มน้ำสะอาดเพียงพอต่อวัน และให้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ในส่วนของสุขภาพจิตควรปลูกฝังเรื่องจริยธรรม ศีลธรรมด้วย เพื่อให้เด็กมีนิสัยและพฤติกรรมที่ดีต่อคนรอบข้าง

ข้อควรรู้ในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของวัยเด็กโต

  • หลีกเลี่ยงอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น ของหวาน อาหารแปรรูป ขนมอบกรอบ น้ำอัดลม เป็นต้น
  • เมื่อเด็กเริ่มใช้เวลาอยู่กับอุปกรณ์สื่อสาร ควรแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อคัดกรองเนื้อหาที่เหมาะสม และสอนให้เรื่องการรู้เท่าทันสื่อ เช่น การตีความหรือวิเคราะห์สื่อ การแนะนำแต่ข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นต้น

การดูแลสุขภาพกายและจิตในวัยรุ่น

ช่วงอายุตั้งแต่ 13-19 ปี ช่วงที่ประสบการณ์และร่างกายเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง ของด้านร่างกายและฮอร์โมนที่ส่งผลให้เกิดความอยากรู้ อยากลอง เริ่มมีรสนิยมหรือมีไลฟ์สไตล์ในด้านต่างๆ เป็นของตัวเอง เริ่มมีทันศคติต่างๆ เช่น แนวคิดต่อสังคมหรือเรื่องเพศศึกษา 

ในวัยนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนมาก ควรมีการออกกำลังกายเป็นประจำ ส่งเสริมการกินให้ถูกหลัก และดูแลสุขภาพจิตใจ หาเวลาพาไปตรวจสุขภาพประจำปี พบผู้เชี่ยวชาญในด้านสุขภาพของเด็กในวัยนี้ เพื่อให้ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการกินและการใช้ชีวิตให้ตรงกับที่ใจต้องการ

ข้อควรรู้ในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของวัยรุ่น

  • เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่อารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน อาจมีการต่อต้านหรือปิดบังความลับต่างๆ การเปิดใจคุยกันแลกเปลี่ยนเรื่องราวในด้านต่างๆ รับฟัง และให้คำแนะนำอย่างจริงใจ จะส่งผลต่ออนาคตของวัยนี้ในด้านสุขภาพจิตได้
  • ให้วัยนี้ได้หาสิ่งที่ตนเองต้องการด้วยตัวเอง ไม่ควรบังคับ เพื่อให้วัยนี้เกิดความภาคภูมิใจในตนเอง
การดูแลสุขภาพกายใจให้แจ่มใส

การดูแลสุขภาพกายและจิตในวัยผู้ใหญ่

ช่วงอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ในวัยนี้เป็นช่วงที่มีโอกาสที่จะมีความเครียดสะสมค่อนข้างสูง เป็นช่วงก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ดังนั้นจึงเป็นวัยที่ต้องมีวินัยในการดูแลสุขภาพร่างกาย และสุขภาพจิตอย่างสม่ำเสมอ เพราะช่วงวัยนี้หากมีสุขภาพที่ย่ำแย่ อาจจะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาวได้ในอนาคต 

โดยต้องออกกำลังกายเป็นประจำและอย่างเหมาะสม นอกจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ยังต้องมีการควบคุมอาหาร โดยอาจจะต้องมีการกำหนดเวลาในการงดอาหารและกินอาหารให้ถูกวิธี รวมถึงการจัดสรรเวลานอนให้มีประสิทธิภาพ และควรดูแลสุขภาพผิวให้ดีที่สุด ดื่มน้ำให้เพียงพอ หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี ตรวจค่าเลือด ความดันโลหิต ยิ่งรู้ละเอียดจะยิ่งทำให้รู้แนวทางในการดูแลสุขภาพที่ถูกต้องได้ง่ายขึ้น รวมถึงควรหาเวลาผ่อนคลายความเครียดด้วย เช่น การอ่านหนังสือ พบปะเพื่อนฝูง การท่องเที่ยวธรรมชาติ เป็นต้น

ข้อควรรู้ในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของวัยผู้ใหญ่

  • หากรู้สึกว่าการดูแลสุขภาพจิตใจเอง ทำได้ไม่ดีหรือทำไม่ไหว ให้ปรึกษาแพทย์หรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต
  • สุขภาพคือสิ่งเดียวที่ไม่สามารถย้อนหลับไปแก้ไขได้เมื่อสายเกินไป ดังนั้นการดูแลสุขภาพในช่วงวัยนี้ก่อนสายไปก็เพื่อให้ได้อยู่ใช้ชีวิตกับคนที่คุณรักไปนานๆ ให้ใส่ใจกับตัวเองมากๆ 

การดูแลสุขภาพกายและจิตในวัยผู้สูงอายุ

ช่วงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป เป็นช่วงวัยที่สมรรถภาพทางร่างกายนั้นเริ่มถดถอยลง มีข้อจำกัดในการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งหากดูแลสุขภาพให้ดีมาตลอด ร่างกายก็จะยังแข็งแรงอยู่ 

โดยในวัยนี้ให้ออกกำลังกายที่ไม่หนักจนเกินไป เช่น เดินช้าๆ การรำไทเก๊ก รวมถึงการเคลื่อนไหวสำหรับการออกกำลังกายผู้สูงอายุให้ได้อย่างปลอดภัย เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี เพราะในวัยนี้อาจมีปัญหาในเรื่องของข้อเข่าเสื่อม ควรพึงระวังเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติต่างๆ เช่น อาการเจ็บหน้าอก ที่หากเกิดขึ้นมากกว่าปกติ ให้รีบพบแพทย์เพื่อประเมินอาการ และหาสาเหตุ เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง 

นอกจากนี้วัยนี้ยังเป็นช่วงที่อารมณ์ค่อนข้างแปรปรวนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในเพศหญิง เนื่องจากเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “วัยทอง” ซึ่งจะส่งผลต่อสภาพจิตใจได้ง่าย เช่น อาการซึมเศร้า วิตกกังวล ต้องมีการได้รับการดูแลสภาพจิตใจอย่างใกล้ชิด หมั่นทำกิจกรรมที่ผ่อนคลายอารมณ์ ไปเที่ยว พูดคุยกับผู้คน และพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงกินของที่ไม่ดีต่อสุขภาพ 

ข้อควรรู้ในการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตของวัยผู้สูงอายุ

  • ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรค
  • ตรวจคัดกรองโรคที่มีความเสี่ยงสูง  เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก

สรุป

การดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญ หากอยากให้ชีวิตอยู่ยืนยาว อยู่กับคนที่เรารัก และห่างไกลโรค การดูแลสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรงอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูแลสุขภาพจิตให้ดีควบคู่กันไปด้วย ให้ร่างกายเกิดความสมดุลกันทั้ง 2 อย่าง เพราะถ้าหากสุขภาพจิตย่ำแย่ ย่อมส่งผลให้สุขภาพร่างกายนั้นแย่ตามไปด้วย

ดังนั้นเราจึงควรดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจิต เมื่อเราดูแลสุขภาพของตัวเองได้ดีแล้ว เราก็สามารถดูแลสุขภาพผู้อื่นได้อีกด้วย โดยใส่ใจดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต การเลือกพักผ่อนในสถานที่ที่บรรยากาศและธรรมชาติที่ดีก็ช่วยให้สุขภาพของเราแจ่มใสแข็งแรงได้เช่นกัน

Blueskyproperty พร้อมส่งมอบสถานที่ที่ช่วยให้คุณสามารถดูแลตนเองได้อย่างเต็มที่ ด้วยอากาศบริสุทธิ์บนวิวหุบเขา สีเขียวขจีอันร่มรื่น ความสงบและเป็นส่วนตัวภายในโครงการ พร้อมให้คุณจับจองแล้ววันนี้

You May Also Like

ที่ดินเปล่า

ลงทุนซื้อ ‘ที่ดินเปล่า’ คืออะไร แล้วมีวิธีซื้อขายที่ดินเปล่ายังไงให้คุ้มค่า

หลายคนอยากลงทุนอสังหาฯ เป็นบ้านจัดสรร หรือคอนโดมิเนียม แต่รู้ไหมว่าการลงทุนที่ดินเปล่าก็เป็นที่นิยม และน่าสนใจเช่นกัน แล้วควรซื้อที่ดินจัดสรรดีไหม หาคำตอบได้ที่นี่

ซื้อบ้านจัดสรร

การซื้อบ้านจัดสรรดียังไง หลักการซื้อบ้าน และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

สำหรับใครที่อยากซื้อบ้านหลังแรก บ้านจัดสรรเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการตัดสินใจ มาดู การซื้อบ้านจัดสรรดีอย่างไร และทิปที่ควรรู้ก่อนซื้อ

การดูแลสุขภาพ

ดูแลสุขภาพอย่างไร? ให้ดีทั้งกายและจิต ห่างไกลโรคภัยแบบยั่งยืน

การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นดูแลตนเอง หรือคนอื่น โดยควรทำควบคู่กัน เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี

สวนดอกไม้ที่เขาค้อ

7 สวนดอกไม้เขาค้อ ขึ้นเหนือไปถ่ายรูปทำคอนเทนต์ รับลมหนาวตลอดปี

เขาค้อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุด เพลิดเพลินไปกับสวนดอกไม้สวยๆ ทุ่งดอกไม้นานาชนิด ท่ามกลางอากาศเย็นสบายกลิ่นอายความเป็นยุโรป

ถ่ายพรีเวดดิ้งเขาค้อ

9 สถานที่พรีเวดดิ้งแนวธรรมชาติ สวยโรแมนติก ได้ภาพหลายมุม

การถ่ายพรีเวดดิ้งมักจะสะท้อนความเป็นตัวเองของคู่บ่าวสาว บทความนี้จะมาแนะนำสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งแนวธรรมชาติ ให้คู่บ่าวสาวได้เลือกไปถ่ายรูปหวานๆ กัน

สร้างบ้านติดเขาดีไหม

สร้างบ้านบนภูเขาดีไหม? ข้อควรรู้หากอยากมีบ้านบนภูเขา

การจะมีบ้านบนภูเขา ใกล้ชิดธรรมชาติได้นั้น ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการสร้างบ้านอยู่ท่ามกลางป่าได้ ต้องรู้จักข้อควรรู้ก่อน เพื่อให้บ้านมีความปลอดภัย

MAKE AN APPOINTMENT