fbpx

รู้ลึกชาอังกฤษ ประเภทของชา พร้อมเทคนิคจิบแบบชาวผู้ดีอังกฤษ

หากพูดถึงชา หลายคนก็จะพากันนึกถึงชาอังกฤษ หรือวัฒนธรรมการจิบชาของคนอังกฤษกันอย่างแน่นอน เพราะภาพจำที่มักถูกสะท้อนภาพสื่อ และข้อเท็จจริงที่คนอังกฤษนั้นดื่มชาเป็นอันดับ 2 ของโลก อีกทั้งยังมีค่าเฉลี่ยที่ผู้คนในอังกฤษดื่มชากันมากถึง 2.1 กิโลกรัมต่อปี จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด หากนึกถึงชาจะเท่ากับการนึกถึงประเทศอังกฤษ ในบทความชิ้นนี้จะพาทุกคนไปรู้ลึกเจาะทุกประเด็น ไม่ว่าจะเป็น ประเภทของชาเทคนิคการจิบชา และอื่นๆ อีกมาก

ความเป็นมาของชาอังกฤษ

คำนิยามของคำว่า “ชา” คือน้ำที่ชงจากสมุนไพร, ผลไม้ หรือดอกไม้ ถ้าลองย้อนรอยประวัติศาสตร์ของการดื่มชา วัฒนธรรมการดื่มชานั้นแรกเริ่มมาจากแถบทวีปเอเชียอย่างประเทศจีน, ญี่ปุ่น หรือแม้แต่อินเดีย และเหตุผลที่ทำไมประเทศอังกฤษที่ดูเหมือนอยู่คนละทวีปจากโซนกำเนิดการดื่มชา ถึงได้รับอิทธิพลไปได้ นั้นก็เพราะการค้าขาย และการล่าอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจทำให้หลายวัฒนธรรมในแถบเอเชียได้แพร่ขยายกระจายไปทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือวัฒนธรรมการดื่มชานั้นเอง 

อย่างไรก็ดีวัฒนธรรมการดื่มชาในประเทศไทยก็ค่อยๆ เริ่มมีกระแส และนิยมขึ้นในช่วงสมัยสุโขทัย ด้วยเหตุผลเดียวกันนั้นก็คือ การค้าขายกับพ่อค้าชาวจีน จากจดหมายของท่านลาลูแบร์มีเนื้อหาในการดื่มชาของคนไทยที่น่าสนใจ คนไทยในสมัยก่อนชงชาจีนไว้เพื่อต้อนรับแขกกันโดยเฉพาะ และไม่มีการใส่น้ำตาลเพิ่มเติม ด้วยรสชาติ และความแปลกใหม่ของเครื่องดื่ม ชาค่อยๆ แฝงเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของไทย และเป็นเครื่องดื่มที่นิยมมาจนถึงปัจจุบัน

ประเภทของชา

ชนิดของชาอังกฤษและช่วงเวลาในการจิบชา

เบื้องต้นอยากพาทุกคนมารู้จักกับชาที่คนอังกฤษนิยม และยังคงใช้ดื่มกันเรื่อยมาอย่าง Black tea หรือชาดำที่คนไทยรู้จักกัน นี่เป็นลักษณะชาที่ผ่านการแปรรูปมาจากใบชาอ่อน สามารถจำแนกได้ออกเป็น 4 ชนิด โดยใช้สี และรสชาติเป็นเกณฑ์ในการจัดประเภท จะมีชาชนิดใดบ้างนั้น ไปติดตามกันต่อได้เลย ดังนี้

English Breakfast Tea

ลักษณะของ English Breakfast Tea คือมีสีเข้ม และรสชาติมีความเข้มข้นกว่าชา Black Tea ชนิดอื่นๆ  ผู้คนส่วนมากมักนิยมชงกับนม หรือน้ำตาล เพื่อให้รสชาติไม่ขมมากจนเกินไป กลมกล่อม ดื่มง่ายขึ้น คนอังกฤษมักจะดื่มชาประเภทนี้เวลาเช้าพร้อมกับอาหารเช้า

English Afternoon Tea

ถัดมาคือ English Afternoon Tea ที่ในส่วนของใบนั้นจะมีสีเข้มปานกลาง รสชาติที่ผู้ดื่มจะได้รับค่อนข้างนุ่มนวล และกำลังดี หลังดื่มจะให้ความรู้สึกสดชื่น ทำให้นี่เป็นชาที่หลายคนชื่นชอบ สามารถที่จะชงเพียวๆ แล้วดื่มได้เลย แน่นอนว่าชาประเภทนี้มีการดื่มหลังเที่ยงเป็นต้นไป และจะยิ่งดีถ้าหากได้ลองดื่มช่วง 4-6 โมงเย็นที่เป็นวัฒนธรรมที่คนอังกฤษดื่มกันอย่างแพร่หลาย

Earl Grey Tea

Earl Grey Tea จะแตกต่างจากใบชา 2 ประเภทก่อนหน้า เพราะว่าใบชา Earl Grey Tea นี้จะมีการผสมส่วนประกอบอื่นๆ อย่าง น้ำมันผล Bergamot และดอกไม้แห้งเข้าไปด้วยทำให้รสชาติที่ผู้ดื่มสัมผัสได้นั้นค่อนข้างออกไปทางรสหวาน ทำให้รู้สึกสดชื่นได้ทันทีที่ได้กลิ่นของดอกไม้นานาพันธุ์ ชาชนิดนี้สามารถที่จะชงพร้อมดื่มได้เลย หรือจะผสมนม และมะนาวเล็กน้อยได้ตามความชอบ เป็นชาที่เหมาะกับทุกโอกาส และดื่มได้ทุกเวลา

Darjeeling Tea

สุดท้ายกับชาอังกฤษที่มีความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคือ Darjeeling Tea ใบชาที่ส่งตรงมาจากประเทศอินเดีย สีของใบชาจะเข้มอ่อนๆ ให้รสชาติเบา หวาน ไม่ขมมาก ที่สำคัญคือกลิ่นของชาจะได้กลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกไม้ นี่เป็นชาอีกชนิดที่ผู้ดื่มสามารถดื่มได้ทุกเวลา เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย

ประเภทของชาอังกฤษ

ใครที่เคยเห็นชาหลากหลายประเภทที่วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า และเกิดสงสัยว่าจริงๆ แล้วชามีกี่ประเภท และใช่เกณฑ์อะไรในการจัดประเภทของชาอังกฤษ เบื้องต้นอยากจะคลายความสงสัยในเกณฑ์การจัดประเภทของชากันก่อน การจัดหมวหมู่ของชาใช้กระบวนการแปรรูปของชาเป็นหลัก โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งออกได้ 7 ประเภท ดังนี้

Blend Tea (Harrods)

นี่เป็นชาที่เป็นเครื่องดื่มที่ชนชั้นสูงดื่มกัน และยังเป็นชาที่นิยมอย่างมากเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ทำมาจากการนำใบชาสองชนิดมาผสมผสานทำให้เกิดรสชาติใหม่ ๆ ด้านของกลิ่นมีความหลากหลาย ยากเกินคาดเดา เนื่องจากเป็นการผสมขึ้นมาใหม่ และทำให้กลายเป็นชาเพียงไม่กี่ประเภทที่มีความลึกลับ อีกทั้งยังเลือกระดับความเข้มได้ตามใจผู้ดื่ม ส่วนมากแล้วมักมีการนำมาผสมกับเนื้อแอปเปิล และส้ม เพื่อให้รู้สึกตื่นตัว สดชื่นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ลองจิบ

Black Teas

Black Teas เป็นชาที่ผ่านกระบวนการหมักด้วยแบคทีเรียเหมือนกับการทำไวน์ เป็นหนึ่งในชาที่มีระดับคาเฟอีนสูงที่สุดประเภทหนึ่ง ด้านรสชาติของ Black Tea ขมเล็กน้อย แต่มาพร้อมประโยชน์มากมาย เหมือนกับวลีไทยที่ว่า หวานเป็นลม ขมเป็นยา ชาประเภทนี้บำรุงหัวใจ และกระเพาะ อีกทั้งยังช่วยระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น กลิ่นของชาหลังชงเสร็จจะได้กลิ่นหอมละมุน ชวนน่าจิบ คุณสามารถที่จะนำชาประเภทนี้ไปชงผสมกับดอกไม้ หรือผลไม้เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มรสชาติออกหวาน และอมเปรี้ยวเล็กน้อยให้กับชาได้อีกด้วย

Fruits and Flavors

อ่านชื่อประเภทชาไปแล้วน่าจะพอเดากันได้ว่าไฮไลต์ของชาประเภทนี้คือ ส่วนผสมของชาที่มีการนำดอกไม้, สมุนไพร, เครื่องเทศ และแต่งกลิ่นให้มีความพิเศษเฉพาะตัว แน่นอนว่ากลิ่นของชาประเภทนี้จะเย้ายวน และช่วยทำให้อยากอาหารมากยิ่งขึ้น ยิ่งนำมาชงกับผลไม้ประเภทต่างๆ ที่คุณชื่นชอบก็ทำให้ชาประเภทนี้ดูดีไม่ใช่น้อย

Herbal Tea

อาจฟังดูแปลกเล็กน้อย เพราะนี่เป็นชาที่ไม่มีส่วนผสมของใบชาเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากส่วนผสมทั้งหมดนั้นมาจากดอกไม้ และสมุนไพรที่มีประโยชน์ เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการดื่มชาเพื่อสุขภาพเป็นหลัก กลิ่นของชา Herbal Tea จะหอมกลิ่นดอกไม้ และสมุนไพรอย่างมาก ใครที่หลับยาก หรือต้องการความรู้สึกผ่อนคลาย แนะนำชาประเภทนี้เลย คุณสามารถที่จะเพิ่มรสชาติ และทำให้กลิ่นเป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้นได้ด้วยการนำไปชงกับผลไม้ที่ชอบรับประทานด้วยก็ยังได้

Rooibos and Red Tea

เดินทางมาไกลเป็นพิเศษสำหรับชาประเภท Rooibos and Red Tea ที่ส่งตรงมาจาก South African กันเลยทีเดียว ส่วนผสมหลักของชานี้มาจากสมุนไพรในแถบทวีปแอปริกา ความน่าสนใจของชานี้คือ เหมาะกับผู้หญิงเป็นหลัก เนื่องจากสมุนไพรที่เป็นส่วนผสมหลักนั้นช่วยในเรื่องรักษาสุขภาพภายในของผู้หญิง และยังช่วยลดน้ำหนักได้อีก

White Tea

ใบชาประเภทนี้เหมือนกันกับชาดำ, ชาเขียว หรือชาอู่หลง เพียงแต่กระบวนการผลิตของชา White Tea นั้นแตกต่างออกไป เนื่องจากมีการเก็บใบชาในเวลาเช้า และตากแดดในระยะสั้นกว่าชาประเภทอื่นๆ รสชาติจะค่อนข้างเข้ม และฝาด ในส่วนของกลิ่นนั้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกลิ่นเหม็นเขียวเล็กน้อย ผู้ดื่มสามารถนำมาชงพร้อมกับดอกเก๊กฮวย หรือดอกไม้อื่นๆ เพื่อสร้างบรรยากาศ และกลบกลิ่นใบชาก็น่าสนใจไม่น้อย

Green Tea

นี่เป็นชาที่ทุกคนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี นั้นก็คือ ชาเขียว ชาประเภทนี้มีต้นกำเนิดมาหลายพันปี ส่วนมากแล้วพบการดื่มชาประเภทนี้ในแถบประเทศจีน และญี่ปุ่น สีของชาจะออกไปทางสีเขียวเข้ม ไปจนถึงน้ำตาลอ่อน กลิ่นหอมได้กลิ่นใบชาเบาๆ โดยสามารถชงกับผลไม้ที่ชื่นชอบเพื่อเพิ่มความกลมกล่อมของรสชาติได้

ชาอังกฤษมีอะไรบ้าง

วิธีชงชาอังกฤษง่ายๆ ให้ได้รสชาติอร่อย

สำหรับใครที่ชื่นชอบการจิบชาอังกฤษ ในเนื้อหาส่วนนี้จะมาเจาะจงกันถึงเรื่องการชงชาให้ได้รสชาติอร่อย บอกทุกเคล็ดลับที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน หากคุณเป็นสายชงชานี่จะเป็นลายแทงขุมทรัพย์สู่รสชาติของชาที่ดียิ่งกว่าเดิม และอร่อยแบบที่คุณเองจะคาดไม่ถึง 

  • เลือกใบชาที่มีคุณภาพสูง 
  • เลือกใช้น้ำสะอาดในการชงชา เทใส่ภาชนะ 
  • ตรวจสอบคุณภาพน้ำเพื่อให้มั่นใจได้ว่า น้ำที่ใช้สำหรับการชงชานั้นสะอาดจริง 
  • เตรียมอุ่นกาน้ำให้ร้อนพอได้ที่ ก่อนชงชาด้วยน้ำร้อน 
  • ไม่ใส่ใบชามากเกิน หรือน้อยเกินไป 
  • ใช้ระยะเวลาที่เหมาะสมกับชาแต่ละประเภท เพื่อรสชาติที่ดีที่สุด 
ประเภทชา

เกรดของใบชา

เมื่อทุกคนเข้าใจเรื่องที่มาของชาอังกฤษกันไปบ้างแล้ว สิ่งหนึ่งที่จะพลาดไม่ได้เลยที่คนรักชาจำเป็นต้องรู้นั้นคือ เกรดของใบชา ที่ในแต่ละใบนั้นมีคุณภาพที่ไม่เหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นประเภทเดียวกันก็ตาม แน่นอนว่าเกรดของใบชานั้นจะส่งผลกับทั้งรสชาติ, กลิ่น และราคาด้วย โดยทั่วไปแล้วใบชาถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

Whole Leaf Grade

ลักษณะจะเป็นใบเต็ม ซึ่งถูกม้วนมาเป็นเกลียว หนึ่งในรูปแบบดั้งเดิมของใบชาที่มีการใช้เป็นเครื่องดื่มแบบชงที่ได้รับความนิยมจากทั่วโลก

Broken Leaf Grade

ใบชาเกรดนี้จะถูกม้วนแบบฉบับดั้งเดิม นั้นคือเป็นรูปแบบเกลียวยาว แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกับ Whole Leaf Grade คือใบชาจะแตกหัก ไม่ได้อยู่ในรูปเต็มใบ

Fanning

ใบชาจะผ่านกระบวนการสับ ทำให้มีลักษณะละเอียด ทำให้ชาที่ได้มีเศษของใบชา ซึ่งมีนักจิบชาที่ชื่นชอบ texture ของเศษใบชาเล็กน้อย หลงใหลใบชาเกรดนี้อยู่ไม่น้อย

Dust Grade

เกรดชาประเภทสุดท้าย ลักษณะจะเป็นเศษฝุ่นที่เป็นส่วนเหลือจากขั้นตอนการผลิต สามารถเทใส่ภาชนะ และตามด้วยน้ำร้อน พร้อมดื่มได้เลย

วิธีชงชา

เทคนิคการจิบชาแบบผู้ดีอังกฤษดั้งเดิม

ถ้าหากถามว่า ทำไมผู้ดีอังกฤษถึงได้มีวัฒนธรรมการจิบชากันอย่างแพร่หลาย นั้นก็เพราะว่าการจัดเวลารับประทานอาหารของคนอังกฤษในอดีตมีช่องว่างที่อาจทำให้ผู้คนรู้สึกหิวได้ง่าย หลังจากที่รับประทานอาหารช่วงเที่ยงไปแล้ว อาหารในมื้อเย็นของคนอังกฤษคือช่วง 2 ทุ่ม แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถอดทนได้ ทำให้ผู้คนเริ่มนิยมทานของว่าง และดื่มชา เพื่อเพิ่มพลังงาน และลดอาการหิวของตัวเอง 

ความน่าสนใจของการจิบชาของชาวอังกฤษยังไม่หมดลงเท่านี้ เพราะหากเจาะลึกลงไปที่วัฒนธรรมการจิบชาอังกฤษแล้ว จะพบว่าการจิบชานั้นไม่ได้เพียงแต่เป็นการดื่มชาทั่วไป แต่ยังแฝงการจัดท่าทางในการดื่ม จนกลายเป็นมารยาทในการจิบชาอีกด้วย รายละเอียดจะเป็นอย่างไรไปติดตามเทคนิคการจิบชาแบบผู้ดีอังกฤษกันได้เลย

การถือถ้วยชา

เนื่องจากถ้วนชามีหลากหลายลักษณะ มารยาทในการถือถ้วยชาจึงมีรูปแบบในการถือที่แตกต่างกันออกไป สำหรับการถือถ้วยชาที่ไม่มีหู ควรวางตำแหน่งของนิ้วโป้งที่ 6 นาฬิกา และวางนิ้วชี้ กับนิ้วกลางไว้ที่ 12 นาฬิกา  สำหรับถ้วยชาที่มีหู จะมีลักษณะการถือที่แตกต่างออกไป โดยผู้ดีอังกฤษจะใช้นิ้วโป้งจับที่หูจับ และวางตำแหน่งของนิ้วชี้ กับนิ้วกลางไว้ที่อีกด้าน โดยปล่อยสองนิ้วที่เหลือตามสบาย การถือถ้วยชาลักษณะนี้จะไม่มีการจับถ้วยชาในส่วนอื่นเด็ดขาด 

หากอยู่ในงานสังคม คุณจะไม่ถือถ้วยชาไปมา ถ้ายังไม่ได้ต้องการดื่ม ในกรณีที่งานสังคมงานนั้นไม่มีโต๊ะให้นั่ง ให้ทำการถือจานรองแทนการถือถ้วนชา และใช้อีกมือสำหรับการถือจานอาหาร นี่จึงจะเป็นมารยาทในการจิบชาแบบผู้ดีอังกฤษที่ถูกต้อง

ห้ามกระดกนิ้วก้อย

ถือเป็นกฎเหล็กในการถือถ้วนชา เนื่องจากการกระดกนิ้วก้อยนั้นจะทำให้เสียสมดุลในการถือแก้ว และอาจทำให้ควบคุมทิศทางได้ยาก อีกทั้งยังมีตำนานที่เกี่ยวกับการรับประทานอาหารที่น่าสนใจ เข้ามาสนับสนุนกฎในข้อนี้อย่างคนโรมันโบราณที่หากเป็นชนชั้นปกครอง และผู้มีอารยะจะทำการรับประทานอาหารด้วย 3 นิ้ว แต่สำหรับผู้คนทั่วไปจะรับประทานอาหารด้วย 5 นิ้ว

การชงและเสิร์ฟชาอังกฤษ

การชงชาเองก็มีมารยาทในการชงที่เป็นแบบแผนมาอย่างยาวนาน ผู้ดีอังกฤษจะไม่ดึงถุงชาเล่นไปมาเด็ดขาด หากต้องการดื่มชาที่เข้มข้นเป็นพิเศษ ก็แค่ทิ้งไว้ในน้ำให้นานมากกว่าเดิม ในกรณีที่ได้ระดับความเข้มข้นที่ต้องการแล้ว ผู้ดีอังกฤษจะนำถุงชาออกมาพักไว้ที่จานรองอย่างเรียบร้อย โดยไม่บีบ หรือเค้นน้ำออกแต่อย่างใด 

ด้านการเสิร์ฟชาเองก็สำคัญไม่น้อย เพราะการเสิร์ฟชาจะต้องมีเครื่องปรุงรสชาติอย่าง นม และมะนาว โดยผู้ดีอังกฤษจะเลือกเติมความหวานด้วยนม และใส่ก่อนเติมความเปรี้ยวด้วยมะนาว ไม่แนะนำให้ใส่พร้อมกันเนื่องจากกรดของมะนาวจะทำให้นมเกาะตัวกันเป็นชั้น

การคนชาและวางช้อนชา

ขั้นตอนการคนชามีขั้นตอนอยู่ที่การวางช้อนที่ 6 นาฬิกา และค่อยๆ วนช้อนไปทาง 12 นาฬิกา เพียงแค่ 2-3 ครั้งเพียงเท่านั้น สำหรับการวางช้อนโดยปกติแล้วจะมีคนเสิร์ฟที่คอยเก็บช้อนไป ในกรณีที่ไม่มีให้คุณวางช้อนไว้ข้างๆ จานรอง เพราะจะไม่มีการคนชาเพิ่มเติมอีกแน่นอนสำหรับผู้ดีอังกฤษ ห้ามวางชาไว้ในถ้วยชาเด็ดขาด เพราะนั้นจะเป็นอุปสรรคในการดื่มชานั้นเอง

สรุป

กลายเป็นวัฒนธรรมที่เป็นภาพจำของประเทศอังกฤษไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับการจิบชาที่ผู้ดีอังกฤษใช้ดื่มเพื่อเป็นมื้ออาหารรองท้องระหว่างวัน อย่างไรก็ดีนี่เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมที่ประเทศไทยเองได้รับอิทธิพล และกลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้โดยทั่วไป หลังจากที่ผู้อ่านได้รู้จักกับชาอังกฤษไปแล้วนั้น จะรู้ได้ว่าชาอังกฤษมี 4 ชนิด ได้แก่ English Breakfast Tea, English Afternoon Tea, Earl Grey Tea และ Darjeeling Tea รวมถึงวิธีการจิบชาเบื้องต้นทั้งการถือถ้วยชาในลักษณะต่างๆ ไปจนถึงการวางช้อนหลังจากคนชาให้เข้มข้นทั่วกันทั้งถ้วยสำหรับพร้อมดื่มอีกด้วย

You May Also Like

ที่ดินเปล่า

ลงทุนซื้อ ‘ที่ดินเปล่า’ คืออะไร แล้วมีวิธีซื้อขายที่ดินเปล่ายังไงให้คุ้มค่า

หลายคนอยากลงทุนอสังหาฯ เป็นบ้านจัดสรร หรือคอนโดมิเนียม แต่รู้ไหมว่าการลงทุนที่ดินเปล่าก็เป็นที่นิยม และน่าสนใจเช่นกัน แล้วควรซื้อที่ดินจัดสรรดีไหม หาคำตอบได้ที่นี่

ซื้อบ้านจัดสรร

การซื้อบ้านจัดสรรดียังไง หลักการซื้อบ้าน และสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ

สำหรับใครที่อยากซื้อบ้านหลังแรก บ้านจัดสรรเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีในการตัดสินใจ มาดู การซื้อบ้านจัดสรรดีอย่างไร และทิปที่ควรรู้ก่อนซื้อ

การดูแลสุขภาพ

ดูแลสุขภาพอย่างไร? ให้ดีทั้งกายและจิต ห่างไกลโรคภัยแบบยั่งยืน

การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นดูแลตนเอง หรือคนอื่น โดยควรทำควบคู่กัน เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี

สวนดอกไม้ที่เขาค้อ

7 สวนดอกไม้เขาค้อ ขึ้นเหนือไปถ่ายรูปทำคอนเทนต์ รับลมหนาวตลอดปี

เขาค้อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะแก่การพักผ่อนในวันหยุด เพลิดเพลินไปกับสวนดอกไม้สวยๆ ทุ่งดอกไม้นานาชนิด ท่ามกลางอากาศเย็นสบายกลิ่นอายความเป็นยุโรป

ถ่ายพรีเวดดิ้งเขาค้อ

9 สถานที่พรีเวดดิ้งแนวธรรมชาติ สวยโรแมนติก ได้ภาพหลายมุม

การถ่ายพรีเวดดิ้งมักจะสะท้อนความเป็นตัวเองของคู่บ่าวสาว บทความนี้จะมาแนะนำสถานที่ถ่ายพรีเวดดิ้งแนวธรรมชาติ ให้คู่บ่าวสาวได้เลือกไปถ่ายรูปหวานๆ กัน

สร้างบ้านติดเขาดีไหม

สร้างบ้านบนภูเขาดีไหม? ข้อควรรู้หากอยากมีบ้านบนภูเขา

การจะมีบ้านบนภูเขา ใกล้ชิดธรรมชาติได้นั้น ไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการสร้างบ้านอยู่ท่ามกลางป่าได้ ต้องรู้จักข้อควรรู้ก่อน เพื่อให้บ้านมีความปลอดภัย

MAKE AN APPOINTMENT